เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มีนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ซึ่ง พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560
คดีนี้มีต้นเหตุมาจากการที่นายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์ของประเทศเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ซึ่งมีเนื้อหาถูกกล่าวหาว่าพาดพิงและดูหมิ่นสถาบันฯ อย่างไรก็ตาม นายทักษิณให้การปฏิเสธตั้งแต่ต้น และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างต่อสู้คดี

เวลา 10.41 น. ศาลอาญามีคำพิพากษา ยกฟ้องนายทักษิณ โดยเห็นว่า หลักฐานของฝ่ายโจทก์ไม่เพียงพอ ที่จะพิสูจน์ความผิดตามฟ้อง โดยพิจารณาจากหลายประเด็น อาทิ ความไม่ชัดเจนของคลิปวิดีโอที่นำมาเป็นหลักฐาน, ถ้อยคำในบทสัมภาษณ์ที่ไม่ชี้ชัดถึงบุคคลตามมาตรา 112, และพยานฝ่ายโจทก์ที่มีท่าทีอคติทางการเมือง
นายวิญญัติ ชาติมาตรี ทนายความของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ภายหลังคำพิพากษาว่า ศาลใช้วิธีชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานและพิจารณาภายใต้หลักไวยากรณ์ของภาษา ซึ่งไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าบุคคลที่ถูกกล่าวถึงคือบุคคลตามมาตรา 112

ถ้อยคำในคลิปไม่ชี้ชัดว่าหมายถึงใคร แม้จะใช้สรรพนามว่า เขา แต่ไม่ได้เจาะจงว่าหมายถึงบุคคลในสถาบันฯ แถมพยานของโจทก์บางคนยังมีอคติทางการเมือง และไม่ได้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ นายวิญญัติกล่าว
เขายังระบุว่าศาลใช้พจนานุกรมต่างประเทศในการแปลความคำสำคัญ และเห็นว่าองค์ประกอบความผิดไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมาย
ในกระบวนการสืบพยานก่อนหน้านี้ มีบุคคลสำคัญของฝ่ายจำเลยขึ้นให้การ อาทิ นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นายธงทอง จันทรางศุ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และ นายทักษิณ ชินวัตร ผู้ตกเป็นจำเลย โดยทั้งหมดขึ้นเบิกความในนัดพิจารณาแบบลับ และนายทักษิณเข้าฟังการพิจารณาทุกนัด
นายวิญญัติเล่าถึงบรรยากาศช่วงอ่านคำพิพากษาว่า นายทักษิณมีสีหน้าเรียบเฉย ใช้สมาธิฟังคำวินิจฉัย แต่เมื่อศาลอ่านถึงประเด็นที่ว่า พยานโจทก์มีน้ำหนักน้อย ก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า พร้อมกล่าวขอบคุณทีมทนายความ และแสดงความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติต่อไป

เมื่อถูกถามถึงข้อกังวลเรื่อง สองมาตรฐาน นายวิญญัติยืนยันว่า คำพิพากษาครั้งนี้เป็นไปตามพยานหลักฐาน และข้อกฎหมาย ไม่ได้มีอิทธิพลจากการเมืองหรือสังคมกดดัน พร้อมย้ำว่าได้ทำคดีนี้อย่างเต็มที่ และผลออกมาตามกระบวนการยุติธรรม
ทนายความของนายทักษิณย้ำว่า หากอัยการมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นสูง ทีมทนายก็พร้อมต่อสู้ตามกระบวนการ พร้อมชี้ว่าประเด็นหลักในคดีนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของข้อเท็จจริง และความไม่สมบูรณ์ของหลักฐานฝ่ายโจทก์
แม้จะพ้นข้อกล่าวหาในคดีนี้แล้ว แต่นายทักษิณยังไม่มีกำหนดเดินทางออกนอกประเทศในเร็ว ๆ นี้ โดยทีมทนายความเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนคำสั่งห้ามเดินทางภายหลังจากนี้