‘กัน จอมพลัง’เผยอาการลุงยังน่าห่วง ยอมถอยคนละก้าวให้ ‘พีช’ ได้แสดงความรับผิดชอบยอมรับมีสายโทรหา
ตนจึงตัดสินใจช่วยเหลือ ใช้เงินส่วนตัว 47,697 บาท และเงินจากมูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้อีก 26,608 บาท นอกจากนี้ยังมีในส่วนของ พ.ร.บ. ช่วยลุงป้าอีก 60,000 บาท (คนละ 30,000 บาท) ทั้งทาง รพ. เอง ก็ยินดีช่วยเหลือหลังจากนี้
ตนเพิ่งชำระเงินไปเมื่อช่วงประมาณ 11 โมงเช้า ซึ่งปรากฏว่าทางคู่กรณีเดินทางมาขอจ่ายเงินหลังจากนั้นตนคาดว่าวันอื่นๆ หากจะมาจ่ายให้ก็ดีเหมือนกัน เพราะมันก็แสดงถึงความกระตือรือร้น ตนก็เพิ่งจะรู้ไม่นานมานี้ว่าเขามา ส่วนเรื่องจดหมาย มองว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด
ฝากไปถึงคู่กรณี ถ้าหากอยากจะช่วยจริงๆ ตนก็ยินดี พร้อมเปิดทางให้ ไม่ได้ติดอะไร ไม่ได้ปิดโอกาส แค่อยากให้ท่านแสดงการรับผิดชอบ ว่าจะรับผิดชอบส่วนไหน อย่างไรบ้าง อยากให้มาหาทางทางออกร่วมกัน ยอมถอยคนละก้าว และอยากให้ครอบครัวลุงป้าสบายใจ ไม่ใช่มาเอาภาพเพื่อการลดโทษ ส่วนตัวเชื่อว่าถ้ามีการพูดคุยเรื่องทุกอย่างจะดีขึ้น แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาติดอะไร
รวมไปถึงเรื่องรถกระบะที่เสียหาย หากเป็นตนคงซื้อรถกระบะให้ใหม่ เพราะการซ่อมก็คงไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อเรื่องการช่วยเหลือเรื่องรถเลย
และทางครอบครัวเองก็ยังมีคำถามที่ยังติดใจ และอยากได้คำตอบ เช่น ถ้าลุงหยุดรถ คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขายังคิดแบบนี้อยู่หรือไม่ และหลังเกิดเหตุ ทำไมถึงไม่เรียกรถพยาบาล ทั้งๆ ที่มีคนบาดเจ็บสาหัส แถมยังมีการเหยียดอีกด้วย
ยอมรับว่าตอนนี้ครอบครัวของลุงป้าก็กังวลมาก ด้วยความที่เขาก็ลำบาก ซึ่งตนก็ยืนยันว่าจะให้ทนายความช่วยไปจนคดีถึงศาล
ขณะที่ลูกชายของลุงกับป้า เปิดเผยว่า รถกระบะที่ถูกชนเป็นรถที่ตนเองผ่อนหมดแล้ว มีแต่ พ.ร.บ. เท่านั้น ส่วนประกันชั้น 1 ไม่มี ซื้อรถมาตั้งแต่ปี 2558 ส่วนที่ถูกชนเสียหายนั้นมองว่าถ้าซ่อมก็คงไม่เหมือนเดิมแล้ว แต่ส่วนตัวไม่อยากเรียกร้อง ให้เขาคิดเอง
ยอมรับว่าวันนี้คู่กรณีได้ติดต่อมา แต่ตนได้ตอบกลับไปว่าไม่สะดวก เพราะว่ายังไม่ได้เตรียมตัว ซึ่งถ้าในอนาคตคู่กรณีอยากติดต่อมาอีก ก็ติดต่อมาได้ แต่อยากให้มีการพูดคุยกันก่อน เนื่องจากตอนนี้ทางครอบครัวยังมีความกังวลอยู่หลายเรื่อง
นอกจากนี้ กัน จอมพลัง ได้อัปเดตอาการหลังเข้าเยี่ยมลุงกับป้าว่า ล่าสุดป้าพ้นขีดอันตราย สามารถพูดคุยสื่อสารได้ แต่ลุงยังคงโคม่า นอนรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ไม่สามารถสื่อสารกับญาติหรือคนที่เข้าไปเยี่ยมได้ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 คน ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ส่วนเรื่องพี่ชาย ก็ยอมรับว่าได้คุยกันจริง พี่ชายเขาเป็นห่วง อยากให้ 2 ฝ่ายถอยกันคนละก้าว ตัวเองก็ได้ฝากพี่ชายกลับไป ว่า “ผมทำเพื่อประโยชน์ของเคส ถ้าหากเคสยังไม่ได้รับการเยียวยา ผมก็จะช่วยจนจบ อยากให้เข้าใจว่าครอบครัวเคสเองเขาจะรู้สึกอย่างไร และผมก็ได้ฝากกลับไปด้วยเช่นดันว่า อย่าให้เขาปากแจ๋ว” พร้อมยืนยันว่าพี่ชายไม่ได้พูดหรือทำให้ผิดเป็นถูก เขาถามเพื่อหาแนวทางออกของเรื่องนี้ ด้วยความรักและความเป็นห่วง พร้อมแนะนำหาทางออก
กรณีที่มีคนโพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงถึงตน มองว่าเป็นแค่เด็กน้อย คนละเบอร์กัน ตนไม่ได้สนใจเพราะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งตอนนี้สังคมได้เข้าไปตอบคอมเมนต์แทนหมดแล้ว และวันนี้ก็อยากโฟกัสที่เคสและฝั่งคู่กรณีว่าจะมาเยียวยาหรือไม่ ซึ่งเมื่อวานตนก็เจอกับเฮียเบี้ยว ก็ถือว่าผู้ใหญ่คุยกัน ส่วนเด็กน้อย ไม่ใช่เวทีของเขา พร้อมเล่านิทานเรื่องหนึ่งว่า…
เมื่อหลายปีก่อนตนประสานตำรวจ สภ.ลำลูกกา ให้เข้าไปจับบ่อนในพื้นที่ ตำรวจใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็เข้าไปดำเนินการให้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันมีผู้ใหญ่คนหนึ่งพาหมาน้อยมาร้องไห้ มุแง มุแง ขอเคลียร์และขออนุญาตเปิดบ่อน ซึ่งตนไม่รับและไล่กลับไป หากครั้งนี้ถ้าต้นจะสวนกลับอีกก็อย่าร้องไห้เหมือนครั้งแรกอีก