เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม สำนักข่าวต่างประเทศ ร­ายงานเหตุการณ์ภูเขาไฟคราเชนินนิคอฟ บนชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรคัมชัตกา ประเทศรัสเซีย เกิดการปะทุเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 600 ปี โดยนักวิทยาศาสตร์คาดว่าอาจเชื่อมโยงกับแผ่นดินไหวขนาด 8.8 แมกนิจูดที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ภาพที่สื่อรัสเซียเผยแพร่ แสดงให้เห็นกลุ่มเถ้าถ่านขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือภูเขาไฟลูกดังกล่าว ขณะที่กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินประจำภูมิภาคคัมชัตกาเปิดเผยว่า กลุ่มควันเถ้ามีความสูงประมาณ 6,000 เมตร และกำลังเคลื่อนตัวทางตะวันออกออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งโชคดีที่ไม่มีชุมชนอาศัยอยู่ตามแนวทางเถ้าถ่าน

โอลกา กิรินา หัวหน้าหน่วยตอบสนองต่อภูเขาไฟของ KVERT ให้ข้อมูลว่า จากหลักฐานของสถาบันภูเขาไฟและแผ่นดินไหววิทยาระบุว่า การไหลของลาวาครั้งสุดท้ายบนภูเขาไฟคราเชนินนิคอฟน่าจะเกิดขึ้นเมื่อราวปี 1463 บวกลบ 40 ปี ซึ่งนับจากนั้นก็ไม่เคยมีการปะทุอีกเลย

การปะทุครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับภูเขาไฟคลูเชฟสกายาในภูมิภาคเดียวกันที่เกิดการปะทุเช่นกันเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม โดยภูเขาไฟคลูเชฟสกายาถือเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังมากที่สุดในยุโรปและเอเชีย และเคยเกิดการปะทุมาแล้วอย่างน้อย 18 ครั้งตั้งแต่ปี 2000

ด้านเจ้าหน้าที่รัสเซียเปิดเผยว่า แผ่นดินไหวขนาด 8.8 ที่เกิดขึ้นในวันเดียวกันนั้น นับเป็นหนึ่งในแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี และสร้างความเสียหายหนัก โดยเฉพาะบริเวณท่าเรือเซเวโร-คูริลสค์ที่ถูกคลื่นสึนามิพัดถล่มจนโรงงานประมงจมอยู่ใต้น้ำ

แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังนำไปสู่การออกคำเตือนสึนามิในหลายประเทศ ทั้งญี่ปุ่น ฮาวาย และเอกวาดอร์ ต้องอพยพผู้คนหลายล้านคนออกจากแนวชายฝั่ง โดยถือเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เหตุการณ์สึนามินอกชายฝั่งญี่ปุ่นในปี 2011 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 15,000 ราย