สึนามิ (Tsunami) คือคลื่นทะเลขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จนสามารถพัดถาโถมเข้าสู่ชายฝั่งได้ในเวลาอันสั้น สร้างความเสียหายรุนแรงต่อชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม

โดยคำว่า “สึนามิ” มาจากภาษาญี่ปุ่น แปลว่า “คลื่นที่ท่าเรือ” เพราะมักสังเกตเห็นคลื่นเหล่านี้ชัดเจนบริเวณท่าเรือหรือชายฝั่ง

20180

ลักษณะของคลื่นสึนามิ

คลื่นสึนามิแตกต่างจากคลื่นลมธรรมดา เพราะมีความยาวคลื่นมากกว่าเป็นร้อยกิโลเมตร แม้จะดูไม่รุนแรงในทะเลลึก

แต่เมื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง น้ำจะยกตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความเร็วของคลื่นสามารถสูงถึง 700–900 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความลึกของมหาสมุทร

ww

สาเหตุหลักของการเกิดสึนามิ

  • แผ่นดินไหวใต้ทะเล – สาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะแผ่นดินไหวที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกแบบยกตัว ซึ่งมักเกิดคลื่นสึนามิรุนแรง
  • ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ – การปะทุของภูเขาไฟใต้ทะเลสามารถผลักดันน้ำขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
  • ดินถล่มใต้ทะเล – มวลดินหรือหินที่ถล่มลงทะเลอาจก่อให้เกิดคลื่นได้
  • อุกกาบาตตกในทะเล – แม้เกิดได้น้อยมาก แต่ก็เป็นไปได้ในทางทฤษฎี

สึนามิไม่ใช่คลื่นเดียว

เวลาสึนามิเข้าฝั่ง มักไม่ใช่คลื่นลูกเดียวแล้วจบ แต่อาจมีคลื่นตามมาอีกหลายลูกในช่วงเวลา 5–60 นาที และบางครั้งคลื่นลูกหลังอาจสูงและรุนแรงกว่าลูกแรก

tsunami

การเตือนภัยสึนามิ

หลายประเทศที่อยู่ในเขตเสี่ยงมีระบบเตือนภัยสึนามิ โดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับแผ่นดินไหวและทุ่นวัดคลื่นในทะเล เพื่อลดเวลาการแจ้งเตือนและเพิ่มโอกาสในการอพยพอย่างปลอดภัย

ผลกระทบจากสึนามิ

สึนามิสามารถทำลายอาคาร ถนน และสิ่งปลูกสร้างชายฝั่งได้ภายในไม่กี่นาที พร้อมกับคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก เช่น สึนามิในมหาสมุทรอินเดียปี 2004 ที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 230,000 คน

i

เราจะป้องกันสึนามิได้อย่างไร?

แม้ไม่สามารถหยุดยั้งสึนามิได้ แต่สามารถลดความเสียหายด้วยการจัดการพื้นที่ชายฝั่งให้ปลอดภัย สร้างระบบเตือนภัย ฝึกซ้อมอพยพ และให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างสม่ำเสมอ