วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 ศาลทหารมีคำพิพากษาเด็ดขาดในคดีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ อดีตนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตหลังถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหารในปี 2560 โดยศาลได้อ่านคำพิพากษาที่มณฑลทหารบกที่ 12 (ค่ายจักรพงษ์) ยืนตามศาลอุทธรณ์ ลงโทษจำคุกจำเลย 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกใหลงอาญาไว้ 2 ปี

ย้อนเส้นทางคดีสะเทือนใจ

คดีนี้ย้อนไปเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 “เมย” นักเรียนเตรียมทหารรุ่นปีการศึกษา 2560 เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำภายในโรงเรียนเตรียมทหาร หลังจากเข้าศึกษาได้เพียงไม่กี่เดือน โดยก่อนเสียชีวิต เคยมีอาการป่วยและถูกลงโทษซ้ำหลายครั้ง แม้แพทย์จะแนะนำให้หยุดการฝึก

วันที่ 23 สิงหาคม 2560 เมยมีอาการปวดศีรษะรุนแรงหลังถูกรุ่นพี่สั่งให้เอาหัวปักพื้นห้องน้ำกลางดึก และแม้แพทย์จะวินิจฉัยให้งดการฝึก แต่ในวันที่ 30 สิงหาคมก็ยังถูกสั่งฝึกอย่างหนัก

ช่วงค่ำคืนวันที่ 15 ตุลาคม เมยกับเพื่อนอีกสองคนถูกปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อ “ธำรงวินัย” ด้วยเหตุว่าแจ้งป่วย โดยให้ลงโทษในท่าวิดพื้นค้างอยู่ในห้องที่ปิดทึบแทนห้องซาวน่า ก่อนจะถูกสั่งให้ “พุ่งหลัง” ต่อเนื่องจนมีอาการเหนื่อยหอบ และในวันรุ่งขึ้นก็ยังถูกลงโทษอีกครั้ง จนกระทั่งหมดสติในช่วงสายและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

โรงเรียนระบุว่าเมยเสียชีวิตจาก “หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน” แต่ครอบครัวกลับพบร่องรอยฟกช้ำหลายจุดทั่วร่าง และเมื่อส่งชันสูตรที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กลับพบว่าอวัยวะสำคัญหลายอย่าง เช่น สมอง หัวใจ และกระเพาะอาหาร ได้หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

การเสียชีวิตของเมยกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม ทำให้กองทัพต้องออกมายอมรับว่ามีการลงโทษจากรุ่นพี่และครูฝึกจริง ขณะที่ครอบครัวของเมยเดินหน้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม พร้อมยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้รับเป็นคดีพิเศษ

ต่อมาในเดือนมีนาคม 2562 อัยการมีคำสั่งฟ้องนักเรียนเตรียมทหาร 2 นาย ในข้อหาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย และฟ้องครูฝึกอีก 1 รายในข้อหากระทำโดยประมาท โดยคดีอยู่ในอำนาจของศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี

คดีดำเนินมายาวนาน โดยมีบางส่วนที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง และคดีแพ่งที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทย ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ชดใช้บางส่วน

จนกระทั่งวันนี้ ศาลฎีกาทหารได้ปิดฉากคดีอาญาหลักด้วยคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 4 เดือน 16 วัน ชดใช้ค่าเสียหาย 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี

คำพิพากษาครั้งนี้อาจเป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล แต่เสียงสะท้อนจากคดีนี้ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญต่อสถาบันที่มีวินัยเข้มงวด และกระตุ้นสังคมให้ตั้งคำถามถึงวิธีการปกครองและลงโทษในระบบทหารต่อไป