เมียทหารพลีชีพสมรภูมิภูมะเขือ เปิดปมดราม่าขัดแย้งแม่ผัว ยืนยันสิทธิ์นำร่างไปจัดงานที่บ้าน
จากกรณีมีรายงานจากแนวรบชายแดนไทย-กัมพูชา แจ้งความสูญเสียล่าสุด เมื่อเวลา 10.20 น. วานนี้ (14 ธ.ค. 2568) ได้เกิดเหตุจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ของฝ่ายกัมพูชา ระดมยิงตกใส่พื้นที่ปฏิบัติการของทหารไทย ส่งผลให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ.อภิสิทธิ์ บุนนาค ตำแหน่งปกติเป็นนายสิบพยาบาล สังกัดกรมทหารราบที่ 16 พัน.3 (ร.16 พัน.3) และเป็นนายสิบพยาบาลประจำ พัน.ร.11 ในพื้นที่สนามรบ รายงานระบุว่า ส.อ.อภิสิทธิ์ ถูกสะเก็ดระเบิดจากการโจมตีด้วย BM-21 อย่างรุนแรง ขณะปฏิบัติหน้าที่ภายในบังเกอร์ พื้นที่ภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ซึ่งหลังจากทราบข่าวว่าสามีเสียชีวิต นางระวีวรรณ (สงวนนามสกุล) ภรรยาของทหารที่เสียชีวิต พร้อม ลูก 2 คนคือ ด.ญ.อายุ 8 ปี และ ด.ช.อายุ 6 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ที่บ้าน ในพื้นที่ ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เดินทางพร้อมญาติ พบกับ นางละออ (สงวนนามสกุล) แม่สามี ที่หมู่บ้านมันเหลือง ต.หน่อม อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นบ้านของบิดา-มารดา จ.ส.อ.อภิสิทธิ์ เพื่อขอให้แม่สามี นำศพสามี กลับไปจัดงานบำเพ็ญกุศลที่บ้านที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์
ซึ่งนางระวีวรรณ ระบุว่า บ้านที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เป็นบ้านที่สร้างอยู่ด้วยกันกับสามี อยู่ด้วยความรักและความอบอุ่น จนมีลูกด้วยกัน 2 คนที่ จ.ส.อ.อภิสิทธิ์ มีความผูกพัน แทนการนำศพมาจัดบำเพ็ญกุศลที่บ้านแม่สามี ซึ่ง จ.ส.อ.อภิสิทธิ์ ไม่ได้อยู่ที่นี่มานับ 10 ปีแล้ว
นางระวีวรรณ กล่าวว่า ตอนที่ตนแต่งงานกับสามี ที่เป็นทหาร ตั้งแต่ 2558 ก็อยู่ที่บ้านพักทหารค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร กระทั่งมีลูกคนแรก ก็ย้ายออกจากค่ายไปอยู่บ้านสมสะอาด ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ มาจนปัจจุบัน มีความผูกพันมากกว่าบ้านแม่สามีที่ร้อยเอ็ด จึงเดินทางมาเพื่อรอการเจรจาและหาข้อยุติ กับเจ้าหน้าที่หน่วยทหารต้นสังกัดของสามี เพื่อขอนำศพสามีกลับบ้าน มากกว่าจะตั้งไว้ที่ จ.ร้อยเอ็ด
ซึ่งผลการเจรจาเบื้องต้น แม่สามียืนยันว่า จะใช้สิทธิ์ของแม่ ให้นำศพทำบุญที่บ้าน จนทำให้นางระวีวรรณ เสียใจถึงกับร้องไห้ และยืนยันว่า ยังไงก็จะใช้สิทธิ์ในความเป็นภรรยา เอาศพสามีเคลื่อนไปตั้งที่บ้าน (กาฬสินธุ์) จึงได้ข้อยุติ และพาทหารจากหน่วยผู้บังคับบัญชา ค่ายบดินทร์เดชา จ.ยโสธร เดินทางไปเพื่อเตรียมสถานที่ ในการเคลื่อนศพสามีกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านต่อไป
นอกจากนั้น นางระวีวรรณ ยังมีสิ่งหนึ่งที่เป็นห่วงและอยากรู้ คือ สามีไปปฏิบัติหน้าที่ที่แนวหน้า ได้นำสุนัขตัวโปรดคู่ใจ ชื่อ เจ้าไทเกอร์ ไปด้วย และอยู่ใกล้ตัวไม่ยอมห่างมาโดยตลอด แม้แต่พักรบกลับบ้าน ก็นำกลับมาด้วย ดังนั้น ตอนนี้ตนอยากทราบว่า หลังจากสามีเสียชีวิต เจ้าไทเกอร์ ยังอยู่ไหม และอยู่ที่ไหน
อยากฝากถึงทุกคน และผู้บังคับบัญชาของสามี ช่วยตามหา ว่าสุนัขคู่ใจของสามี ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หากยังอยู่ก็อยากวิงวอนขอให้ส่งกลับมา หรือให้ช่วยค้นหาว่า หาก เจ้าไทเกอร์ xายแล้ว ก็ขอให้ช่วยนำร่างของสุนัขตัวดังกล่าวกลับมาด้าย เพราะคือเพื่อนคู่ใจสามี และหากยังมีชีวิตก็ถือได้ว่า เจ้าไทเกอร์ คือส่วนหนึ่งของครอบครัว เพราะทุกคนในบ้านรักและผูกพันธ์ จนแทบจะเรียกได้ว่า เป็นตัวแทนของสามีได้เลย

