จากนางเอกหนังอีโรติกในตำนาน กลายเป็นนักธุรกิจหญิงร้อยล้าน ปัจจุบันอายุเพียง 35 ปี
หากย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีก่อน ชื่อของ “หลัน เหยียน” หรือชื่อใหม่ “หลาน ซินเหยียน” (Lan Xinyan) โด่งดังเป็นพลุแตกจากการรับบทนำในภาพยนตร์อีโรติก 3 มิติระดับตำนานอย่าง 3D Sex and Zen: Extreme Ecstasy จนได้รับฉายาว่า “เทพธิดา 3D” แต่ใครจะเชื่อว่าในวันนี้ เธอได้สลัดคราบเซ็กซี่สตาร์ ทะยานสู่การเป็นนักธุรกิจหญิงผู้ทรงอิทธิพลที่มีทรัพย์สินหลายร้อยล้าน
ต้นทุนชีวิตดี แต่ไม่หยุดทะเยอทะยาน
หลาน ซินเหยียน เกิดเมื่อปี 1990 เติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวยในมหานครเซี่ยงไฮ้ ชีวิตวัยเด็กของเธอเพียบพร้อมและสุขสบาย แต่เธอไม่ได้พอใจแค่การเป็นลูกคุณหนูที่รอรับมรดก ด้วยความทะเยอทะยานและความต้องการพิสูจน์คุณค่าในตัวเอง เธอจึงตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อตามหาความฝัน
เส้นทางช่วงแรกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอเริ่มต้นจากการรับบทสมทบเล็กๆ สั่งสมประสบการณ์และความผิดหวัง จนกระทั่งปี 2005 ฝีมือการแสดงของเธอเริ่มเตะตาผู้ชมจากละครเรื่อง Everlasting Regret (Changhen Ge) ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่มั่นคงในวงการ

แจ้งเกิดที่รัสเซีย โค่นแชมป์หนังโจรสลัด
เส้นทางโกอินเตอร์ของเธอเริ่มต้นอย่างสวยงามเมื่อย้ายไปพัฒนาฝีมือที่รัสเซีย ในปี 2006 ได้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง “Butterfly Kiss” (Hu Die Zhi Wen) ของค่าย Warner Bros. ซึ่งการแสดงที่ยอดเยี่ยมทำให้เธอมีชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในเทศกาลภาพยนตร์รัสเซีย
ภาพยนตร์เรื่องนี้กวาดรายได้ถล่มทลาย คว้าแชมป์หนังทำเงินอันดับ 1 ของรัสเซียในปี 2006 แซงหน้าภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโลกอย่าง Pirates of the Caribbean 2 ไปได้สำเร็จ ส่งผลให้เธอกลายเป็นดาราหญิงเชื้อสายจีนคนแรกที่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการภาพยนตร์รัสเซียและยุโรป

ศิษย์เอก “เฉินหลง” และก้าวสู่ฮ่องกง
ด้วยความสามารถด้านภาษาที่พูดได้หลากหลายและความเก่งกาจ ทำให้ หยาง โช่วเฉิง (Albert Yeung) บอสใหญ่แห่ง Emperor Group ทาบทามเธอกลับมาเซ็นสัญญาเป็นเบอร์หนึ่งของค่าย Jackie Chan’s Emperor Motion Pictures ในฐานะลูกศิษย์ของราชานักบู๊ “เฉินหลง” (Jackie Chan)
ในปีเดียวกัน เธอได้รับสิทธิ์พลเมืองฮ่องกงผ่านโครงการเฟ้นหาบุคลากรคุณภาพ (Quality Migrant Admission Scheme) เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในฮ่องกง และยังได้เข้าคอร์สเรียนการแสดงเพิ่มเติมที่สถาบันศิลปะการแสดงฮ่องกง (HKAPA) เพื่อฝึกฝนภาษากวางตุ้งและทักษะการแสดงให้เฉียบคมยิ่งขึ้น
ตำนาน “3D Sex and Zen”
จุดเปลี่ยนสำคัญของ หลาน ซินเหยียน คือการรับบทนำในภาพยนตร์อีโรติก 3 มิติระดับตำนานอย่าง “3D Sex and Zen: Extreme Ecstasy” (ตำรารักทะลุจอ) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ภาพยนตร์กวาดรายได้สูงสุดในฮ่องกงประจำปี 2011 กว่า 40 ล้านเหรียญฮ่องกง และฉายไปทั่วโลก ทำให้เธอกลายเป็น “เทพธิดา 3D” ในดวงใจหนุ่มๆ
ความสำเร็จที่เข้ามาอย่างรวดเร็วมาพร้อมกับดาบสองคม ชื่อเสียงที่ได้มาต้องแลกด้วยคำวิจารณ์ที่รุนแรงและการถูกแปะป้ายภาพลักษณ์สาวเซ็กซี่ รวมถึงข่าวลือเรื่องความรักที่สื่อจับตามองไม่เว้นแต่ละวัน แต่เธอก็ใช้วินัยและความอดทนก้าวผ่านดราม่าเหล่านั้นมาได้

.jpg?ip/resize/w728/q80/jpg)
สร้างอาณาจักรธุรกิจ
ในขณะที่กราฟชื่อเสียงพุ่งสูงสุด หลาน ซินเหยียน มองเห็นโอกาสที่ไกลกว่านั้น เธอใช้ชื่อเสียงและอิทธิพลที่มีต่อยอดเข้าสู่โลกธุรกิจ โดยเริ่มศึกษาตลาดอย่างจริงจังและกระจายการลงทุนไปในหลายภาคส่วน หลังจากสั่งสมประสบการณ์ หลาน ซินเหยียน เริ่มผันตัวเข้าสู่แวดวงธุรกิจด้วยการก่อตั้งบริษัท Starry Media นอกจากนี้เธอยังขยายอาณาจักรด้วยการสร้างแบรนด์แฟชั่นของตัวเองที่ชื่อว่า “CRAZYBARBY” อีกด้วย
ความสำเร็จของหลานซินหยานในโลกธุรกิจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ด้วยสติปัญญาอันเฉียบแหลมและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล กล้าได้กล้าเสีย กล้าตัดสินใจ เธอสามารถจับกระแสของตลาดได้อย่างแม่นยำและลงทุนในหลายภาคส่วนได้ประสบความสำเร็จ อาณาจักรธุรกิจของเธอเติบโตอย่างก้าวกระโดด ครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์ การเงิน เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมอื่นๆ ซึ่งนำมาซึ่งความมั่งคั่งและความสำเร็จอย่างมหาศาล ปัจจุบันสื่อต่างประเทศรายงานว่าเธอมีทรัพย์สินส่วนตัวมูลค่ามหาศาลหลายร้อยล้าน กลายเป็นเศรษฐีนีที่สร้างฐานะด้วยลำแข้งของตัวเอง

ไม่ทิ้งงานในวงการบันเทิง
แม้จะมีภาพจำความเซ็กซี่ แต่ฝีมือการแสดงของเธอก็ไม่เป็นรองใคร ในปี 2012 เธอรับบท “ซวนหัวฮูหยิน” ในซีรีส์ฟอร์มยักษ์ Heroes of Sui and Tang Dynasties ซึ่งเรตติ้งพุ่งอันดับ 1 จนได้ใจแฟนละครจีนแผ่นดินใหญ่ไปเต็มๆ และยังคว้ารางวัลด้านแฟชั่นจาก MSN Influence Awards
ต่อมาในปี 2018 เธอการันตีความสามารถด้วยการคว้ารางวัล นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์จีนแวนคูเวอร์ ครั้งที่ 6 จากเรื่อง Blue Goldfish และรางวัลสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังจีน-เกาหลี จากเรื่อง The Special District ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “หลาน ซินเหยียน” ในปี 2019 และมีผลงานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ล่าสุดในปี 2025 เธอปรากฏตัวในภาพยนตร์ฮ่องกงออนไลน์เรื่อง “The Grey Men 2” ในบท “น่าเจีย” แฟนสาวของนายตำรวจนอกเครื่องแบบ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่เธอเงียบหายไปจากสื่อกระแสหลักหลายปี หลายคนคาดเดาว่าเธออาจจะอำลาวงการไปแล้วด้วยซ้ำ

