โหดมาก! แม่ทัพกุ้ง เผยสาเหตุ บอกไม่ได้ว่าใครสั่งหยุดยิง
วันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เข้าร่วมกิจกรรม สานต่อความดี รับมอบรางวัลเชิดชูเกียรติอันทรงเกียรติ พลังขับเคลื่อนการบรรยายพิเศษเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ ณ พุทธสถานปฐมอโศก อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พร้อมกล่าวถึงประสบการณ์ในการสู้รบป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อช่วงวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2568 ปีที่ผ่านมา

พล.ท.บุญสิน เปิดเผยว่า หลังจากรบวันแรกได้เพียง 6 ชั่วโมงก็มีคำสั่งจากผู้ใหญ่ให้หยุดยิง แต่ตนได้บอกกลับไปว่าหยุดไม่ได้เพราะได้สตาร์ทแล้ว ขอไปต่อหลายวัน ผู้ใหญ่คนนั้นก็เลยตั้งหลักใหม่ เพราะถ้าหยุด ตนต้องออกมาพูดว่าใครสั่งให้หยุด แล้วเขาจะอยู่ไม่ได้ เพราะตนจะเอาแผ่นดินคืน คนที่สั่งให้หยุดจะมีโทษประหาร
พล.ท.บุญสิน กล่าวต่อว่า สาเหตุที่มีคำสั่งให้หยุดยิง มาจากความวิตกว่าการตอบโต้จะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายกัมพูชา เพราะเขมรเคยใช้วิธีนี้มาก่อน คือยกระดับข้อพิพาทเข้าสู่ศาลโลก พร้อมกล่าวหาว่าประเทศไทยรุกรานจนมีผู้เสียชีวิต ทำให้สามารถยื่นประท้วงเพื่อทวงดินแดนคืน โดยหวังเอาพื้นที่ 3 ปราสาทกับอีก 1 บริเวณสำคัญ อย่างไรก็ตาม พล.ท.บุญสินยืนยันว่า ตนรู้เท่าทัน และไม่เพียง ไม่ยอมเสีย แต่ยังตั้งใจจะทวงพื้นที่เพิ่มด้วย
พล.ท.บุญสิน ระบุว่า แม้มองในมุมหนึ่ง อาจเป็นเพราะผู้ใหญ่ต้องการหลีกเลี่ยงการสูญเสียของกำลังพล แต่ตนมีจุดยืนชัดเจนว่า ต้องเอาพื้นที่กลับคืนจากฝ่ายที่เข้ามาปักหลักยาวนาน เช่น บริเวณภูมะเขือ รวมถึงต้องการปิดเส้นทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นจุดยึดกุมได้อีก
สำหรับปราสาทตาควาย อดีตแม่ทัพเผยว่าเป็นอีกเป้าหมายที่ตั้งใจยึดคืน แต่ในช่วงเวลานั้นต้องโยกกำลังไปยึดภูมะเขือก่อน เมื่อเตรียมเคลื่อนพลมายังปราสาทตาควาย เวลาก็หมดลงพอดี จึงทำได้เพียงตรึงกำลังประจันหน้ากับทหารกัมพูชาเพื่อรอคำสั่ง
ทั้งนี้ พล.ท.บุญสินยังปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่แนวชายแดนจนถึงช่วง 2 วันก่อนเกษียณ ก่อนจะได้รับคำสั่งให้เดินทางกลับเพื่อส่งมอบหน้าที่และธงประจำตำแหน่งให้กับแม่ทัพคนใหม่ โดยย้ำว่าสิ่งที่ทำทั้งหมดคือหน้าที่ในการปกป้องแผ่นดิน และเพื่อไม่ให้ประเทศไทยต้องถูกลดทอนพื้นที่จากปัญหาความขัดแย้งชายแดนอีกต่อไป

