บิ๊กโจ๊ก แฉซ้ำ! ตำรวจ 30 นายรับส่วยเว็บพนัน ซัด รายใหญ่สุดเป็น นักการเมือง

โดยก่อนหน้านี้ได้มีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ออกมายอมรับว่า มีปลาเน่าในกรมตำรวจ และเร่งให้ ผบ.ตร.เร่งตรวจสอบ ล่าสุดได้มีการสอบถามไปยัง พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวถึงการออกมาแฉถึงการรับส่วยเว็บพนันของตำรวจว่า ข้อมูลที่บิ๊กโจ๊ก นำมาแฉเป็นข้อมูลที่มีการสอบสวน แต่ไม่ได้ปรากฏอยู่ในการดำเนินการใด ๆ เลยต้องมีการออกมาแฉอีกรอบ เพราะบิ๊กโจ๊ก ก็บอกว่าส่งข้อมูลไปให้ผู้มีอำนาจตามขั้นตอนแล้ว แต่กลับถูกนิ่งเฉย ทำให้รอบนี้นำมาแฉใหม่ และขยายความไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องอีก 30 คน
สำหรับคดีบิ๊กโจ๊กในตอนนี้ สิ่งที่ต้องจับตา คือ กระบวนการในการตรวจสอบต่อในวงการตำรวจ ซึ่งตอนนี้สื่อมวลชนได้แต่นำเสนอข่าว แต่ยังไม่มีกระบวนการในการขับเคลื่อนเรื่องภายในระบบ ตั้งแต่ระบบการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏในสำนวน
ตัวละครที่มีการแฉเกี่ยวโยงกับเว็บพนัน ส่วนใหญ่เป็นตำรวจบนหอคอยงาช้าง โดยเฉพาะหน่วย บช.สอท. ที่บิ๊กโจ๊ก ประเมินและไต่ระดับถึงอดีตของหัวหน้าหน่วย รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเส้นเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รู้ถึงข้อกล่าวหาเหล่านี้ แต่ยังต้องรอการพิสูจน์

บิ๊กโจ๊ก สำหรับข้อเท็จจริงในพยานเอกสารที่ยื่นให้ตรวจสอบ ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่าคำให้การเหล่านั้น อาจเป็นคำให้การคร่าว ๆ แม้จะเป็นข้อมูลประมาณ 300 หน้า แต่การให้การเพิ่มเติม ที่บอกว่าไม่เป็นผู้กระทำผิด สิ่งเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่ที่ดุลยพินิจของผู้พิจารณาว่าฟ้องหรือไม่ฟ้อง
เมื่อถามว่าทำไมช่วงเวลาหลัง เมื่อมีการออกมาแฉเกี่ยวกับส่วยเว็บพนันของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มักเป็นประเด็นที่ถูกจับตา พล.ต.ต.สุพิศาล มองว่า ด้วยความที่การพนันต่าง ๆ ถูกปรับเปลี่ยนเข้ามาสู่โลกออนไลน์เกือบหมด และมีการแบ่งเครือข่ายที่เรียกว่า ขอน ที่เป็นเจ้าของบ่อน และมีการเช่าช่วงเวลาของเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่มีการแบ่งเป็นวันละ 3 – 4 กะเวลา โดยเจ้าของบ่อนเหล่านั้นก็จะมาเช่าช่วงเวลาของเว็บไซต์ที่เป็นต้นขั้ว แล้วจ่ายเงินเช่าเวลา โดยที่เว็บไซต์ที่ให้เช่าช่วงเวลาจะได้รายได้ส่วนนี้

เดิมคนที่ให้เช่าแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ดังที่สุดคือ สารวัตรซัว แต่ขณะนี้ข้อมูลจากสายข่าวระบุว่า รายใหญ่สุดเป็นนักการเมือง ที่ทำแพลตฟอร์มการพนันออนไลน์ แล้วแบ่งปันไปยัง ขอนแต่ละจังหวัด เพื่อให้ไปหาลูกค้าในพื้นที่ เช่น การยิงแอด หรือไปดัดแปลงเพื่อทำการเชื้อเชิญ ให้มาเล่นการพนันในรูปแบบออนไลน์ต่าง ๆ
ส่วยเว็บพนันส่วนใหญ่ ตำรวจที่รับเงินจะไม่ใช่ตำรวจชั้นผู้น้อยที่อยู่ตามโรงพักเหมือนสมัยก่อน แต่ตำรวจที่รับส่วยจะเป็นผู้ที่มีความรู้ในโลกออนไลน์ หรือหน่วยงานที่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้โดยตรง สิ่งนี้ทำให้ตำรวจที่รับส่วยแม้จะมีไม่มาก แต่จะมีเครือข่ายที่ช่วยกัน
อย่างไรก็ตามบทสุดท้ายของการแฉครั้งนี้ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรมีการตรวจสอบแหล่งข้อมูลที่มีการแฉมา ซึ่งถ้ามีต้องมีการลงโทษ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ต้องมีการชี้แจงด้วยข้อมูลที่ชัดเจน เพื่อจะทำให้สังคมไม่เกิดความเคลือบแคลงใจ

