เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 มีรายงานว่า สถานการณ์ระดับน้ำบริเวณเขื่อนเจ้าพระยา ตำบลบางหลวง อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ว่าปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนที่ไหลเข้าสู่เขื่อนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยที่จุดวัดน้ำ C2 บริเวณหน้าค่ายจิรประวัติ อำเภอเมืองนครสวรรค์ วัดอัตราการไหลของน้ำได้ 1,808 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15.02 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง (ม.รทก.)

จากสถานการณ์ดังกล่าว เขื่อนเจ้าพระยาได้ปรับเพิ่มอัตราการระบายน้ำจากเดิม 1,350 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 1,450 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และมีแผนจะเพิ่มอัตราการระบายขึ้นอีกเป็น 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อรองรับมวลน้ำจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือ โดยระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้น 10 เซนติเมตรในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา วัดได้ที่ 12.91 ม.รทก.

ทางราชการได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำท้ายเขื่อน ให้เฝ้าระวังและสังเกตระดับน้ำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 10–30 เซนติเมตรในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ คลองโผงเผง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล อำเภอบางบาล ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา ตำบลลาดชิด และตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงพื้นที่ริมตลิ่งแม่น้ำน้อยในจังหวัดอ่างทองและพระนครศรีอยุธยา

นอกจากนี้ ได้มีการประกาศห้ามเรือประมงเข้าใกล้บริเวณหน้าบานระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตราย และได้เกิดเหตุเรือล่มจนมีผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา

ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรติดตามประกาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมรับมือหากมีการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำอย่างรวดเร็วในช่วงวันต่อไป