13พ.ย.68 “บิ๊กเต่า”พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ออกมาตอบโต้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. อย่างดุเดือด หลัง “บิ๊กโจ๊ก” อดีตรอง ผบ.ตร. กล่าวหาว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เป็น “องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ” โดยยืนยันว่าการพูดเช่นนี้ “รุนแรงเกินไป” และเป็นการ “เผาบ้านตัวเอง” ทำลายความเชื่อมั่นขององค์กร
.

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่าชุดทำงานสืบสวนคดีของ “มินนี่” และคดีที่เกี่ยวข้องกับอดีต ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ได้รังแกใคร และช่วยเหลือใคร”

“การที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกมาฟาดงวงฟาดงากล่าวหาว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรอาชญากรรม การพูดคำนี้มันรุนแรงเกินไป… ทำให้องค์กรขาดความเชื่อมั่นจากประชาชน” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว และย้ำว่าทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่ง สตช. ก็มีการจัดการและเอาตำรวจออกจากระบบหลายร้อยคนในแต่ละปี

รอง ผบช.ก. ได้ฝากเตือนไปยัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่าในฐานะที่เป็นตำรวจด้วยกัน ควรรู้ว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด หากไม่พอใจชุดทำงานก็ควรกล่าวหาชุดทำงานโดยตรง ไม่ควรกล่าวหาองค์กร ซึ่งเปรียบเสมือน “บ้าน”

“การกล่าวหาองค์กรเหมือนกับเผาบ้านของตัวเอง คุณเนรคุณกับองค์กรตัวเอง… จะลากองค์กรเข้ามาเกี่ยวข้อง มันรุนแรงเกินไป” พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า อดีตรอง ผบ.ตร. อาจจะ “จนตรอก” และ “เวลาเขาใกล้หมดแล้วหรือเปล่า” จึงออกมาฟัดกับทุกคน

นอกจากนี้ “บิ๊กเต่า” ยังได้ฝากเตือนไปยัง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้ “ออกห่างได้ก็ออกห่าง” จากผู้ต้องหาที่กำลังจะถูกดำเนินคดี เพราะเกรงว่าเมื่อถึงเวลาที่ศาลมีคำพิพากษา นายอัจฉริยะ จะ “โดดเดี่ยว” เหมือนกับกรณีของทนายตั้มที่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ตนไม่ทราบว่าหากวันหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดนดำเนินคดี จะยังอยู่ประเทศไทยหรือเปล่าหรือจะไปอยู่ต่างประเทศตนไม่ทราบ แต่ขอทายว่าท่านไม่น่าอยู่ในประเทศไทย” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้าย