รวมมาให้แล้ว! 7 กลิ่นที่งูกลัวมาก วางไว้รอบบ้าน งูจะไม่กล้าเข้ามาใกล้
7 กลิ่นที่ “งู” ไม่ชอบ ใช้ไล่งูรอบบ้าน รับรองงูไม่กล้าเข้าใกล้
การใช้กลิ่นที่งูหวาดกลัวเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขับไล่งูออกจากพื้นที่อยู่อาศัยของครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝนที่งูมักจะเลื้อยออกจากรังเพื่อหาที่แห้งปลอดภัย
การปรากฏตัวของงูในบริเวณบ้าน สวน หรือสนามหญ้า สร้างความตื่นตระหนกและยังเสี่ยงต่อการถูกทำร้าย ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากเป็นงูมีพิษ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงนี้ได้ด้วยการใช้กลิ่นบางชนิดเป็นตัวช่วย
7 กลิ่นที่ทำให้งูหวาดกลัว
1. กลิ่นแอมโมเนีย
กลิ่นฉุนเฉพาะตัวของแอมโมเนียทำใ้ห้งูรู้สึกไม่สบายตัวอย่างยิ่ง คุณสามารถวางแอมโมเนียในบริเวณที่งูมักเข้ามาหา เช่น บริเวณบ่อน้ำ สระว่ายน้ำ หรือแหล่งน้ำอื่นๆ ซึ่งเป็นที่ที่งูชอบมาดื่มน้ำหรือซ่อนตัว
วิธีใช้: นำผ้าไปชุบในสารละลายแอมโมเนีย แล้วใส่ในถุงพลาสติกที่เปิดปากไว้ จากนั้นนำไปวางรอบพื้นที่ที่ต้องการป้องกัน อย่างไรก็ตาม สารละลายนี้จะระเหยเร็ว จึงควรเปลี่ยนผ้าชุบทุกวันหรือหลังฝนตก และควรระวังไม่ให้เด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงเข้าใกล้ เพราะไอระเหยของแอมโมเนียอาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

2. กลิ่นแนฟทาลีน (ลูกเหม็น)
แนฟทาลีนเป็นส่วนประกอบหลักในผลิตภัณฑ์ไล่งูเชิงพาณิชย์หลายชนิด สารนี้จะปล่อยกลิ่นฉุนรุนแรงที่ทำให้งูและแมลงหลายชนิดหลีกหนีไป
แต่มีข้อควรระวังคือ หน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐอเมริกา ได้เตือนว่าแนฟทาลีนอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตาและปอด หรืออาจนำไปสู่ภาวะโลหิตจางได้ หากสูดดมเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงควรใช้แนฟทาลีนในบริเวณกลางแจ้งที่มีการถ่ายเทอากาศดีเท่านั้น หลีกเลี่ยงการวางไว้ในบ้าน หรือใกล้เด็กและสัตว์เลี้ยง
3. กลิ่นกำมะถัน
ผงกำมะถันถือเป็น “เกราะป้องกัน” สองชั้นสำหรับงู เพราะนอกจากจะมีกลิ่นเหม็นที่เป็นเอกลักษณ์และทำให้งูรู้สึกไม่สบายตัวแล้ว ยังอาจทำให้ผิวหนังของงูเกิดอาการคันและแสบร้อนได้อีกด้วย
เราสามารถโรยผงกำมะถันตามแนวกำแพงรั้ว รอบฐานบ้าน หรือบริเวณที่เคยพบงู แต่ควรสวมถุงมือขณะใช้งาน เนื่องจากกำมะถันอาจทำให้ผิวหนังของคนเกิดอาการระคายเคืองเล็กน้อยได้
4. ส่วนผสมน้ำมันหอมระเหยกานพลูและอบเชย
มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยกานพลูและอบเชยมีสารประกอบชื่อ ยูจีนอล และ ซินนามัลดีไฮด์ ซึ่งเป็นสองสารที่ทำให้งูรู้สึกไม่สบายตัว และมีแนวโน้มที่จะเลื้อยหนีออกจากบริเวณที่มีกลิ่นนี้
คุณสามารถผสมน้ำมันหอมระเหยกานพลูและอบเชยเล็กน้อยลงในขวดสเปรย์น้ำ แล้วฉีดพ่นรอบๆ ชานบ้าน หน้าต่าง หรือตามแนวผนัง กลิ่นหอมนี้ปลอดภัยต่อคน แต่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดพ่นใกล้ตาหรือจมูกของคนและสัตว์เลี้ยง
.jpg?ip/resize/w728/q80/jpg)
กระเทียมและหัวหอมมีกรดซัลโฟนิก ซึ่งเป็นสารประกอบที่งูเกลียดมาก สามารถใช้ได้ทั้งแบบสด หรือนำไปบดแล้วผสมกับเกลือเม็ด จากนั้นนำไปโปรยรอบรั้ว รอบบ้าน หรือบริเวณสวน
อีกทางเลือกคือการบดกระเทียมและหัวหอมแล้วนำไปผสมกับน้ำ เพื่อทำเป็นน้ำยาสำหรับฉีดพ่นไล่งู อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของส่วนผสมนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานซ้ำๆ อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหลังฝนตก
6. น้ำส้มสายชูขาว
น้ำส้มสายชูเป็นสารธรรมชาติที่มีความเป็นกรดอ่อนๆ และมีกลิ่นฉุน ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังของงูเกิดการระคายเคือง และทำให้งูหลีกเลี่ยงการสัมผัส
การเทน้ำส้มสายชูขาวรอบขอบบ่อ บึง หรือสระว่ายน้ำจะช่วยป้องกันไม่ให้งูเลื้อยลงไปในน้ำได้ เนื่องจากน้ำส้มสายชูระเหยเร็ว จึงจำเป็นต้องเติมซ้ำบ่อยๆ หากต้องการให้ฤทธิ์ไล่งูคงอยู่ตลอด
7. ส่วนผสมปูนขาวกับพริกหรือน้ำมันหอมระเหยสะระแหน่
การผสมปูนขาว พริกป่น และน้ำมันหอมระเหยสะระแหน่เล็กน้อย สามารถสร้าง “รั้วธรรมชาติ” รอบสวนได้ กลิ่นเผ็ดร้อนของพริกรวมกับความเป็นด่างของปูนขาวทำให้งูรู้สึกไม่สบายตัว ขณะที่กลิ่นสะระแหน่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไล่ให้ดียิ่งขึ้น
เพียงแค่ผสมส่วนผสมเหล่านี้ให้เข้ากัน แล้วนำไปใส่ในกระบอกฉีดเพื่อฉีดพ่นรอบพื้นที่ที่ต้องการป้องกัน หรือจะใช้ปูนขาวโรยรอบบ้าน ทางเข้าออก หรือบริเวณที่สงสัยว่างูจะซ่อนตัวอยู่ก็ได้
ข้อแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการไล่งูอย่างมีประสิทธิภาพไม่ควรพึ่งพากลิ่นเพียงอย่างเดียว แต่ควรรักษาสภาพแวดล้อมรอบบ้านให้สะอาด ตัดแต่งกิ่งไม้ ใบหญ้า เก็บกวาดสวนให้เรียบร้อย และจำกัดแหล่งที่อยู่อาศัยของหนู ซึ่งเป็นอาหารที่งูชอบ
การผสมผสานระหว่างการทำความสะอาด การสร้างรั้วป้องกัน และการใช้กลิ่นธรรมชาติอย่างเหมาะสม จะช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัยและปราศจากความกังวลเรื่องงูมาเยือน
